เมนู

ว่าด้วยวิธีมนสิการ ปุพฺโพ (น้ำหนอง)


ปุพฺโพ น้ำหนอง

ไม่ตั้งอยู่ประจำ เมื่อส่วนแห่งร่างกายถูกตอ
หนาม การประหาร และเปลวไฟเป็นต้นกระทบแล้วในที่ใด ๆ โลหิตก็จะห้อขึ้น
หรือว่าฝีและต่อมเป็นต้น ก็ย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ในส่วนแห่งร่างกายนั้น ๆ ทีเดียว
ในน้ำหนองเหล่านั้น พระโยคีพึงมนสิการว่า เมื่อต้นไม้มียางไหลออกด้วย
อำนาจการประหารด้วยขวานเป็นต้น ส่วนแห่งต้นไม้ที่ถูกประหารด้วยขวาน
เป็นต้นย่อมไม่รู้ว่า ยางต้นไม้ตั้งอยู่ในพวกเรา แม้ยางต้นไม้ก็ไม่รู้ว่า
เราตั้งอยู่ในส่วนแห่งต้นไม้ที่ถูกประหารด้วยขวานเป็นต้น ดังนี้ ฉันใด
ประเทศแห่งร่างกายที่ถูกกระทบด้วยตอ หนามเป็นต้นก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อม
ไม่รู้ว่า น้ำหนองตั้งอยู่ในพวกเรา แม้น้ำหนองเล่าก็ไม่รู้ว่า เราตั้งอยู่ใน
ประเทศร่างกายเหล่านั้น
ดังนี้ ธรรมเหล่านี้เว้นจากความคิดและพิจารณา
ซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้น ขึ้นชื่อว่า น้ำหนองที่เป็นโกฏฐาสหนึ่งโดยเฉพาะ
ในสรีระนี้ ไม่มีเจตนา เป็นสัพยากตะ เป็นของสูญ ไม่ใช่สัตว์ เป็นของเหลว
มีอาการเกาะกุม ชื่อว่า อาโปธาตุ ดังนี้.

ว่าด้วยวิธีมนสิการ โลหิตํ (น้ำเลือด)


โลหิต น้ำเลือด

ที่ไหลไปมาตั้งซึมซาบสรีระทั้งสิ้นอยู่เหมือนน้ำดี
ที่ไม่อยู่ในถุง เลือดที่ตั้งอยู่มีประมาณเต็มกอบหนึ่ง ขังอยู่ภายใต้ฐานของตับ
ทำให้ไต หัวใจ ตับ ปอด ชุ่มอยู่ ในเลือดเหล่านั้น พึงทราบวินิจฉัย
เลือดที่ไหลไปมาเช่นเดียวกับน้ำดีที่มิได้อยู่ในถุงนั่นแหละ ส่วนเลือดอีกอย่าง
หนึ่งนอกนี้ พระโยคีพึงมนสิการว่า น้ำขังอยู่ที่ภาชนะเก่ายังก้อนดินและท่อนไม้
ในภายใต้ให้ชุ่มอยู่ วัตถุมีก้อนดินและท่อนไม้เป็นต้น ย่อมไม่รู้ว่า พวกเรา

เปียกน้ำตั้งอยู่ แม้น้ำก็ไม่รู้ว่า เราทำก้อนดินและท่อนไม้เป็นต้นให้
เปียก
ดังนี้ ฉันใด ที่อันเป็นส่วนเบื้องล่างของตับก็ดี ส่วนต่าง ๆ มีไต
เป็นต้นก็ดี ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมไม่รู้ว่า เลือดขังอยู่ในเรา เราเท่านั้น
เปียกอยู่
แม้เลือดเล่าก็ไม่รู้ว่า เรายังไตเป็นต้นให้เปียกอยู่ ยังส่วน
ภายใต้ของตับให้เต็มแล้ว
ดังนี้ ธรรมชาติเหล่านี้เว้นจากความคิดและพิจารณา
ซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้น ขึ้นชื่อว่า เลือดที่เป็นโกฏฐาสหนึ่งโดยเฉพาะ
ไม่มีเจตนา เป็นอัพยากตะ เป็นของสูญ ไม่ใช่สัตว์ เป็นธรรมชาติเหลว
มีอาการเกาะกุม ชื่อว่า อาโปธาตุ ดังนี้.

ว่าด้วยวิธีมนสิการ เสโท (เหงื่อ)


เสโท เหงื่อ

ย่อมตั้งอยู่เต็ม และไหลออกตามช่องผมและขุมขน
ในเวลาเร่าร้อนด้วยไฟเป็นต้น บรรดาเหงื่อเหล่านั้น พระโยคีพึงมนสิการว่า
เมื่อบุคคลถอนกำเหง้าบัว รากบัว และก้านดอกบัวขาวขึ้นจากน้ำ ช่องกำแห่ง
เหง้าบัวเป็นต้นย่อมไม่รู้ว่า น้ำย่อมไหลออกจากพวกเรา แม้น้ำที่ไหล
ออกจากช่องกำแห่งเหง้าบัวเป็นต้น ก็ย่อมไม่รู้ว่า เราย่อมไหลออกจากช่อง
กำแห่งเหง้าบัวเป็นต้น
ดังนี้ ฉันใด ช่องผมและขุมขนก็ฉันนั้นเหมือนกัน
ย่อมไม่รู้ว่า เหงื่อย่อมไหลออกจากพวกเรา แม้เหงื่อเล่าก็ไม่รู้ว่า เรา
ย่อมไหลออกจากช่องผมและขุมขน
ดังนี้ ธรรมเหล่านั้นเว้นจากความคิด
และพิจารณาซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้น ขึ้นชื่อว่า เหงื่อที่เป็นโกฏฐาสหนึ่ง
โดยเฉพาะในสรีระนี้ ไม่มีเจตนา เป็นอัพยากตะ เป็นของสูญ ไม่ใช่สัตว์
เป็นธรรมชาติเหลว มีอาการเกาะกุม ชื่อว่า อาโปธาตุ ดังนี้.